ภาษาซีเป็นภาษาที่ถือว่าเป็นภาษาระดับสูง ถูกพัฒนาขึ้นใน ค.ศ. 1972 โดยเดนนิส ริทซี (Dennis Ritchie) แห่งห้องทดลองเบลล์ ที่เมอร์รีฮิล มลรัฐนิวเจอซี่ โดยได้ใช้หลักการของภาษาบีซีพีแอล (BCPL = basic Combine programming language) ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยเคน ทอมสัน (เคน ทอมสัน) ได้ตั้งชื่อว่า ซี (C) เพราะเห็นว่าเป็นตัวอักษรต่อจากบี (B) ของภาษา BCPL
ในปี .ศ.1978 เมื่อเบรน เคอร์ไนฮ์ (ฺBrain Kenighan) ร่วมกับเดนนิส ริทซี พัฒนามาตรฐานของภาษาซีขึ้นมาคือ K&K (Kerninghan & Ritchie) และทั้งสองอย่างได้แต่งหนังสือที่ชื่อว่า The C Programming Language ต่อมาในช่วง คศ.1988 เบรน เคอร์ไนซ์ ได้ร่วมกับ ANSI (American National Standards Institute)
ภาษา C ถือว่าเป็นภาษาระดับสูง ถือว่าเป็นภาษาระดับสูง ทั้งนี้เพราะภาษาซีมีวิธีใช้ข้อมูลและมีโครงสร้างการควบคุมการทำงานของโปรแกรม อย่างเดียวกับภาษาของโปรแกรมระดับสูงอื่น ซึ่งถือว่าเป็นภาษาระดับสูง ความสามารถระดับสูง ทำให้ภาษาซีเป็นอิสระจากฮาร์ดแวร์ ภาษาซี สามารถสร้างรหัสภาษาเครื่องซึ่งตรงกับชนิดของข้อมูลนั้นได้เอง ทำให้โปรแกรมที่เขียนด้วยภาษาซีที่เขียนบนเครื่องหนึ่งสามารถนำไปใช้กับ อีกเครื่องหนึ่งได้ ประกอบกับการใช้พอยน์เตอร์ในภาษาซี นับได้ว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของการเป็นอิสระจากฮาร์ดแวร์
กฎพื้นฐานของภาษาซี
- คำสั่งต่างๆ จะต้องเขียนด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษพิมพ์เล็ก
- คำสั่งแต่ละคำสั่งจะต้องปิดด้วยเครื่องหมายเซมิโคลอน (;) เสมอ เช่น a = b + c ;
- เครื่องหมายปีกกาเปิด ({) เป็นสัญลักษณ์แสดงการเริ่มต้นการทำงาน และเครื่องหมายปีกกาปิด (}) เป็นสัญลักษณ์แสดงการสิ้นสุดการทำงาน
- การเรียกใช้ฟังก์ชันพื้นฐานต่าง ๆ ของภาษาซี เช่น printf, clrscr จะต้องรู้ว่าอยู่ในโมดูลข้อใด เช่น stdio.h จะต้องเขียนอยู่บนสุดของโปรแกรม
- การใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษพิมพ์เล็กและพิมพ์ใหญ่ในภาษาซีจะมีความแตกต่างกัน
- ส่วนของการประกาศตัวแปรจะต้องถูกเขียนอยู่ก่อนที่จะมีการเรียกใช้เสมอและจะต้องเขียนอยู่ต้น block ก่อนคำสั่งอื่นๆ
ข้อดีของภาษา C
-
เป็นภาษาที่มีลักษณะเป็นโครงสร้าง จึงเขียนโปรแกรมง่ายโปรแกรมที่เขียนขึ้นจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สั่งงานคอมพิวเตอร์ได้รวดเร็วกว่าภาษาระดับสูงอื่น ๆ
-
สั่งงานอุปกรณ์ในระบบคอมพิวเตอร์ได้เกือบทุกส่วนของฮาร์ดแวร์ ดีกว่าภาษาระดับสูงภาษาอื่น ๆ
-
คอมไพเลอร์ภาษาซีทุกโปรแกรมทำงานอ้างอิงมาตรฐาน ANSI (American National Standards Institute) เกือบทั้งหมด จึงทำให้โปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษาซีสามารถนำไปใช้กับคอมพิวเตอร์ได้ทุกรุ่นที่มีมาตรฐาน ANSI รับรอง
-
โปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษา C สามารถนำไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ CPU ต่างเบอร์กันได้ถือได้ว่าเป็นโปรแกรมที่มีความยืดหยุ่นสูง
-
สามารถนำภาษาซีไปใช้ในการเขียนโปรแกรมประยุกต์ได้หลายระดับ เช่น เขียนโปรแกรมจัดการระบบงาน (OS) คอมไพเลอร์ของภาษาอื่น โปรแกรมสื่อสารข้อมูล โปรแกรมจัดการฐานข้อมูลโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์รวมทั้งโปรแกรมคำนวณงานทางด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์เป็นต้น
- สามารถประกาศข้อมูลได้หลายชนิดและหลายรูปแบบ ทำให้สะดวกรวดเร็วต่อการพัฒนาโปรแกรมตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้
- ประยุกต์ใช้ในงานสื่อสารข้อมูลและงานควบคุมที่ต้องการความแม่นยำในเรื่องเวลาได้ดีกว่าภาษาระดับสูง อื่นๆ
- สามารถเขียนโปรแกรมด้วยเทคนิคแบบ oop (object oriented programming) ได้ หากใช้ภาษา c รุ่น Turbo C++ ขึ้นไปทำให้สามารถพัฒนาโปรแกรมประยุกต์เพื่อใช้งานได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม