ตัวแปลภาษคอมพิวเตอร์ (Translator)
การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาระดับสูง แต่ละภาษาลักษณะโครงสร้างของภาษาจะแตกต่างกันออกไป ซึ่งโปรแกรม
ที่มนุษย์เขียนขึ้นเรียกว่าโปรแกรมต้นฉบับ (Source code) มนุษย์จะอ่านโปรแกรมต้นฉบับได้ แต่คอมพิวเตอร์ไม่เข้าใจ
เพราะคอมพิวเตอร์เข้าใจเฉพาะภาษาเครื่อง (Machine Language) ซึ่งเป็นรหัสเลขฐานสอง จึงต้องมีการใช้โปรแกรม ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์ Translator ใช้ในการแปลภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาต่าง ๆ ไปเป็นภาษาเครื่อง ซึ่งจะประกอบด้วยรหัสคำสั่งที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจและนำไปปฏิบัติได้ ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์ที่มีการใช้อยู่ ในปัจจุบันจะต่างกันที่ขั้นตอนที่ใช้ในการแปลภาษาให้อยู่ในรูปแบบที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้สามารถ
แบ่งได้เป็น 2 แบบคือ
1. คอมไพล์เลอร์ compiler เป็นตัวแปลภาษาระดับสูงเช่นภาษาปาสคาล ภาษาโคบอล ภาษาฟอร์แทนและภาษาซี คอมไพเลอร์จะเปลี่ยนโปรแกรมต้นฉบับให้เป็นภาษาเครื่องทั้งหมดและจะบันทึกไว้ในลักษณะของแฟ้มข้อมูลหรือไฟล์ หากพบข้อผิดพลาดก็จะแสดงออกมา เมื่อต้องการเรียกใช้งานโปรแกรมก็จะสามารถเรียกมาใช้งานโดยไม่ต้องทำการ แปลหรือคอมไพล์อีกครั้งทำให้การทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็วและนิยมกันมากในปัจจุบัน
2. อินเตอร์พรีเตอร์ Interpreter อินเตอร์พรีเตอร์เป็นตัวแปลภาษาระดับสูงเช่นเดียวกับคอมไพเลอร์ จะแปลความหมายของคำสั่งทีละคำสั่งตลอดไปทั้งโปรแกรม ถ้าไม่พบข้อผิดพลาด เครื่องจะทำคำสั่ง ที่แปลได้แต่ถ้าพบข้อผิดพลาดจะหยุดทำงานและแจ้งข้อผิดพลาดออกมา ข้อเสียของอินเตอร์พรีเตอร์ คือ ถ้านำโปรแกรมนี้มาใช้งานอีกจะต้องทำการแปลโปรแกรมใหม่อีกครั้ง ตัวอย่างของภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้
ตัวแปลภาษา แบบ interpreter เช่นภาษา Basic
สำหรับภาษาระดับต่าง ๆ เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้ผู้เขียนโปรแกรมสามารถโปรแกรมติดต่อกับ คอมพิวเตอร์ได้ง่ายลักษณะของภาษานี้จะเป็นการใช้ตัวอักษรมาเรียงกันเป็นคำคือภาษา assembly language ซึ่งการเขียนคำสั่งในภาษาแอสเซมบลีจะใช้คำย่อของภาษาอังกฤษ โปรแกรมที่เขียนด้วยภาษาแอสเซมบลี จะต้องทำการแปลด้วยโปรแกรมภาษาที่เรียกว่าแอสเซมเบลอร์ Assembler จะทำการแปลโปรแกรมต้นฉบับที่เขียน ด้วยภาษาแอสเซมบลีให้เป็นภาษาเครื่องเพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ดังนั้นผู้ที่ใช้ภาษาแอสเซมบลี ส่วนใหญ่จะเป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์